ระเบิด และเพลิงไหม้โรงงาน BST นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
รมว.อุตสาหกรรม ระบุ เหตุระเบิดโรงงานมาบตาพุด เสียหายกว่า 1,700 ล้านบาท คาดเหตุซ่อมบำรุงถังเก็บสารเคมี ด้านสมาคมต้านโลกร้อนหวั่นสารพิษก่อมะเร็งแพร่กระจาย แฉโรงงานบีเอสทีทำ EHIA ไม่สมบูรณ์ จี้เพิกถอนใบอนุญาต
จากกรณีที่่เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม โรงงานกรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด หรือ บีเอสที ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ระเบิดและไฟไหม้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 12 ราย และผู้บาดเจ็บ ทั้งหมดมี 141 ราย แพทย์รักษาและให้กลับบ้านแล้วบางส่วน เหลือผู้บาดเจ็บนอนพักรักษาที่โรงพยาบาล 29 ราย จำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บอาการหนัก 4 ราย ส่วนใหญ่บาดเจ็บจากแผลไฟไหม้
ทางด้าน ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การประเมินความเสียหายเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งโรงงานที่เกิดเหตุมีความเสียหายประมาณ 1,500-1,700 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่แท้จริง ยังไม่สามารถระบุได้ แต่เบื้องต้น คาดว่า เกิดจากการซ่อมบำรุงถังเก็บสารเคมี ในโรงงานดังกล่าว ซึ่งจะมีการตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ขณะที่่ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า การระเบิดและไฟไหม้ในโรงงานดังกล่าว อาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายมลพิษออกมามากมาย เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์, ฝุ่นละอองรวม และสาร Non Methane Hydrocarbon (NMHC) และบิวทาไดอีน เป็นต้น ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ในกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวัง 19 ชนิดตามประกาศของกรม ควบคุมมลพิษ
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า บริษัทดังกล่าวได้ขอขยายโรงงานและการผลิตเพิ่มเติม โดยได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และ กนอ.ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมานี้ ซึ่งจากเอกสารรายงาน EHIA ดังกล่าวถูกคณะกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและ สุขภาพ (กอสส.) ท้วงติงความไม่สมบูรณ์หลายประการ
"ขณะที่การระเบิดและไฟไหม้จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากนี้ บ่งชี้ให้เห็นว่าโรงงานดังกล่าวอาจไม่มีความเหมาะสมที่จะก่อสร้าง หรือขยายกิจการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จึงเห็นว่าหน่วยงานภาครัฐคือ กนอ. และกระทรวงอุตสาหกรรม อาจต้องพิจารณาประเด็นเรื่องใบอนุญาตที่ออกให้โรงงานดังกล่าวด้วย" นายศรีสุวรรณระบุ
ส่วนกรณีที่่หลายคนหวั่นสารพิษก่อมะเร็งนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายแพทย์พินิจ อัศวแสงรัตน์ หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและอาชีวเวชศาสตร์ โรงพยาบาลกรุงเทพ-ระยอง กล่าวว่า สารโทลูอีนที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และไม่ได้เป็นสารก่อมะเร็ง ควันจากการลุกไหม้มีผลทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณตา ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ เกิดผื่นคัน และอาจทำให้เกิดอาการง่วงนอน เวียนศีรษะอาเจียนได้
นายสุเมธา วิเชียรเพชร หัวหน้าชุดปฏิบัติการฉุกเฉินสารเคมี กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ขณะนี้อันตรายในพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะชุมชนรอบรัศมี 3 กิโลเมตรไม่มีแล้ว ส่วนกรณีหลายฝ่ายเป็นห่วงว่าสารโทลูอีนที่พบในโรงงานจะเป็นสารก่อมะเร็งนั้น คงไม่ต้องกลัวกันเกินเหตุ แม้ตามทฤษฎีแล้วจะสามารถก่อมะเร็งได้จริง แต่ต้องเป็นการรับสารซ้ำกันทุกวันเป็นระยะเวลานานนับปี ไม่ใช่เกิดเหตุเพียงชั่วคราว
"ที่มีการกังวลว่าฝนที่ตกลงมาในช่วงนี้อาจปนเปื้อนสารเคมีจนไหลลงแหล่งน้ำและสะสม ถือเป็นการคาดเดาที่ผิด เพราะสารโทลูอีนไม่ละลายน้ำ แต่จะระเหยหายไปเมื่อเจอกับความร้อนของแสงแดด อย่างไรก็ตาม เราได้เตรียมการเข้าตรวจบ่อน้ำหรือแหล่งน้ำใช้ในชุมชน และเฝ้าระวังรอบพื้นที่เกิดเหตุไปอีกซักระยะก่อน" นายสุเมธากล่าว
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เหตุเพลิงไหม้โรงงานบีเอสที ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง มีผู้เสียชีวิตล่าสุด จำนวน 12 ราย ส่วนอากาศยังปกติ ไม่มีสารพิษเกินมาตรฐาน
จากกรณีที่่เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม โรงงานกรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด หรือ บีเอสที ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ระเบิดและไฟไหม้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 คน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลระยอง 1 คน คือ นายไชโย อักษรศรี อายุ 30 ปี และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ระยอง อีก 1 คน คือ นายหัสไนย จันทร์เศรษฐี รวมเป็น 5 คน โดยเพลิงได้ดับสนิทเมื่อเวลา 03.00 น. วันที่่ 6 พฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (6 พฤษภาคม) เจ้าหน้าที่ภู้กัยยังคงค้นหาผู้รอดชีวิต หลังจากมีการคาดการณ์ว่า น่าจะยังมีผู้ที่ติดค้างอยู่ภายในโรงงาน ทางด้านนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการตรวจสภาพอากาศภายในนิคมอุตสาหกรรมของกรมควบคุมมลพิษ เพื่อวัดความปนเปื้อนสารโทลูอินในอากาศ พบว่า ยังไม่พบค่าเกินมาตรฐานแต่อย่างใด
ทางด้าน นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวถึงสาเหตุระเบิดภายในโรงงาน กรุงเทพ ซินธิติกส์ ว่า จากการสอบถามพยานแวดล้อมทั้งหมด คาดว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นขณะขนการถ่ายสารโทลูอีน ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ผลิตยางรถยนต์ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่เปลี่ยนถ่ายไปใส่ถังใหม่เกิดความร้อน ทำให้สารดังกล่าวที่เป็นวัตถุไวไฟระเบิดขึ้น
สำหรับยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. พบว่า มียอดผู้เสียรวมทั้งหมด 12 ราย โดยเป็นเสียที่วิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 3 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้งหมดเพราะแรงระเบิดและไฟไหม้ นอกจากนี้ ยังอยู่ในห้องไอซียูอีก 4 ราย ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ระยอง และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 141 คน
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางไปยัง นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อตรวจดูความคืบหน้าของเหตุการณ์ไฟไหม้ภายในโรงงานอุตสาหกรรมมาบตาพุด
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์ถังบรรจุสารโทลูอีนระเบิด ทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ของ บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งตนได้มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. และโรงงาน เป็นผู้ชดใช้ในค่าเสียหาย และสำหรับสภาพอากาศบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ได้เข้าสู่ภาพปกติแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า ได้มอบหมายให้ การนิคมอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย และผู้นำชุมชน จัดทำแผนป้องกันการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้ง การเคร่งครัดให้ปฏิบัติตามแผนดังกล่าวด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
[5 พฤษภาคม] เพลิงไหม้นิคมฯ มาบตาพุด เสียชีวิตแล้ว 3 ราย
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ระทึก! โรงงาน BST ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เกิดระเบิด คนหนีตายวุ่น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว เสียชีวิต 1 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 พฤษภาคม) เมื่อเวลาประมาณ 15.45 น. ได้เกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ขึ้นที่บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด เลขที่ 5/1 ถนน ไอ-7 ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตปิโตรเคมีน้ำยางสังเคราะห์ ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง โดยได้เกิดระเบิดเสียงดังขึ้น ก่อนจะมีควันดำพวยพุ่งขึ้นมาจากภายในโรงงานและปกคลุมพื้นที่อย่างรวดเร็ว และมีกลิ่นก๊าซแอมโมเนียและกลิ่นสารเคมีกระจายออกมาจำนวนมา ทำให้พนักงานที่อยู่ด้านในแตกตื่น วิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมาอย่างอลหม่าน
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็เร่งระดมกำลังเข้ามาดับเพลิงแล้ว แต่จนถึงเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ จึงต้องเร่งอพยพคนงานทั้งหมดออกจากนิคมฯ พร้อมกับประกาศให้ชาวบ้าน 10 ชุมชนที่อยู่ใต้ทิศทางลมอพยพออกนอกพื้นที่มาฝั่งพัทยา ซึ่งอยู่เหนือทิศทางลม เพื่อป้องกันการสูดดมสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลให้การจราจรโดยรอบติดขัดเป็นทางยาว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งปิดการจราจรห้ามรถเข้าไปภายในนิคมฯ แล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า สาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้น่าจะเกิดจากถังเคมีขนาดใหญ่จำนวนหลายถังภายในโรงงานได้เกิดระเบิดขึ้น ซึ่งต้องสอบสวนหาสาเหตุต่อไป
ด้าน นายนิพนธ์ เลิศศรีสุวัฒนา นายอำเภอเมืองระยอง เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ว่า บริษัทดังกล่าวมีพนักงานจำนวน 60 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ได้รับรายงานว่า มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จากการสูดดมควัน จำนวน 6 ราย เจ้าหน้าที่ได้ทยอยนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้ว แต่ยังไม่ได้รับรายงานของผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด นอกจากนี้ได้ประสานหน่วยงานเทศบาลสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในพื้นที่ และใกล้เคียงอีกกว่า 20 คัน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เข้ามาเร่งระดมดับเพลิง เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามออกไปภายนอกบริษัท
ล่าสุดเวลา 17.30 น. สามารถควบคุมเพลิงได้หมดแล้ว มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 20 คน สาหัส 4 คน ทั้งนี้ แม้ว่าสารเคมีจะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่ก็ได้สั่งให้ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงอพยพออกหมดแล้ว
แต่ในช่วงหัวค่ำ นายอำเภอเมืองระยอง กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย ส่วนข่าวลือที่ว่าพบ 4 ศพ ข่าวนี้ยังไม่เป็นความจริง ต้องรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่