ระเบียบข้อบังคับของชมรมอุตสาหกรรมบางปู
ฉบับแก้ไข พ.ศ.2555
หมวดที่ 1 ข้อความทั่วไป
ข้อ 1. ชมรมนี้ชื่อชมรมอุตสาหกรรมบางปูใช้อักษรย่อว่า ช.อ.ป. มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า BANGPOO INDUSTRIAL SOCIETY ใช้อักษรย่อว่า B.I.S.
ข้อ 2. สถานที่ตั้งชมรมฯ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู หรือภายในเขตจังหวัดสมุทรปราการ
ข้อ 3. เครื่องหมายของชมรมดังที่ปรากฏอยู่ประกอบด้วย รูปลักษณะนกนางนวลกางปีกอยู่บนเฟื่องจักรใหญ่และเล็กมีคำว่า ช.อ.ป. อยู่ใต้รูปนกมีชื่อชมรมอุตสาหกรรมบางปู ภาษาไทยและชื่อภาษาอังกฤษ BANG POO INDUSTRIAL SOCIETY อยู่ข้างล่าง
หมวดที่ 2 วัตถุประสงค์
ข้อ 4. ชมรมมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
4.1 เป็นแหล่งรวมของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู หรือในเขตใกล้เคียง
4.2 เป็นแหล่งกลางสำหรับสมาชิกจะได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆ อันจักเป็นประโยชน์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมและการจัดการ
4.3 ให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆระหว่างสมาชิกด้วยกัน
4.4 เพื่อสร้างและส่งเสริมมิตรภาพในหมู่สมาชิกด้วยกัน
4.5 รักษาและปกป้องผลประโยชน์ของสมาชิกด้วยกัน
4.6 เสริมสร้างความสามัคคีและความเป็นปึกแผ่นของสมาชิกทั้งปวง
4.7 ชมรมนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
หมวดที่ 3 ประเภทสมาชิกและสมาชิกภาพ
ข้อ 5. สมาชิกของชมรมแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
5.1 สมาชิกสามัญ
5.2 สมาชิกสมทบ
5.3 สมาชิกวิสามัญ
5.4 สมาชิกกิตติมศักดิ์
ข้อ 6. สมาชิกสามัญ หมายถึง นิติบุคคลที่ประกอบกิจการทุกประเภทภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ซึ่งแสดงความจำนงสมัครเข้าเป็นสมาชิกสามัญ โดยกำหนดให้มีผู้แทนของนิติบุคคลได้ไม่เกิน 2 ท่าน เป็นลายลักษณ์อักษรในใบสมัคร
ข้อ 7. สมาชิกสมทบ หมายถึง นิติบุคคลที่ประกอบกิจการทุกประเภทภายนอกนิคมอุตสาหกรรมบางปู ซึ่งได้แสดงความจำนงสมัครเข้าเป็นสมาชิกสมทบสามัญ และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการชมรมฯ มีมติให้รับเข้าเป็นสมาชิกสมทบสามัญ โดยกำหนดให้มีผู้แทนของนิติบุคคลได้ไม่เกิน 2 ท่าน เช่นเดียวกันกับสมาชิกสามัญ
ข้อ 8. สมาชิกวิสามัญ หมายถึง บุคคลที่ทำงานด้านจัดการและการบริหารเกี่ยวกับการอุตสาหกรรมหรือกิจกรรมที่คณะกรรมการชมรมฯ เห็นสมควรให้เข้าร่วมกับชมรมฯ ได้ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่มาจากบริษัท ห้างร้าน โรงงงาน นิติบุคคล ฯลฯ ก็ได้ ที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมกับชมรมฯ โดยแสดงความจำนงสมัครเข้าเป็นสมาชิกชมรมฯ และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการชมรมฯ
ข้อ 9. สมาชิกกิตติมศักดิ์ หมายถึง บุคคลที่ทรงเกียรติคุณ หรือมีความสามารถรอบรู้ในกิจการอุตสาหกรรมซึ่งคณะกรรมการชมรมฯ เห็นสมควรที่จะเชิญมาเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์
ข้อ 10. บุคคลหรือนิติบุคคลใด ที่มีความประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกประเภทใด ให้ยื่น
ใบสมัครตามแบบกำหนดของชมรมฯ และให้คณะกรรมการลงมติการรับเข้าเป็นสมาชิกเป็นเอกฉันท์
ข้อ 11. ให้คณะกรรมการชมรมฯ รายงานการเข้าของสมาชิกใหม่ทุกประเภทต่อที่ประชุมทุกครั้งที่ได้ทำการรับสมัครสมาชิกเข้าในชมรมฯ
ข้อ 12. สมาชิกภาพของสมาชิกย่อมสิ้นสุดลงเมื่อ
12.1 ลาออก
12.2 ตายหรือเป็นบุคคลล้มละลายหรือเลิกกิจการ
12.3 ไม่ชำระเงินค่าบำรุงตามระเบียบที่กำหนดไว้ติดต่อกัน 2 ปี โดยที่ได้รับหนังสือเตือน การชำระเงินแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง
12.4 เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นบุคคลวิกลจริต
12.5 เป็นผู้ไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของชมรมฯ อันอาจนำความเสื่อมเสียมาสู่ชมรมฯ ได้ โดยให้มติ 2 ใน 3 ของคณะกรรมการมีอำนาจลงชื่อคัดออกจากการเป็นสมาชิก
12.6 ประพฤติตน หรือกระทำการใดๆ อันอาจนำความเสื่อมเสียมาสู่ชมรมฯ โดยให้ คณะกรรมการ 2 ใน 3 เป็นมติคัดออกจากการเป็นสมาชิก
ข้อ13. ให้คณะกรรมการแจ้งรายชื่อสมาชิกผู้ถูกคัดชื่อออกจากชมรมฯ แจ้งให้แก่สมาชิกทราบภายในกำหนดเวลา 15 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการได้ลงมติ
ข้อ14. เมื่อสมาชิกได้หมดสภาพของการเป็นสมาชิก ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องหรือขอสิทธิใดๆ จากชมรมฯ ทั้งสิ้น
หมวดที่ 4. สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
ข้อ15. สมาชิกมีสิทธิจะเสนอความคิดเห็นหรือคำแนะนำใดๆ ที่เกี่ยวกับกิจการและวัตถุประสงค์ของชมรมฯ ต่อที่ประชุมได้
ข้อ16. สมาชิกมีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญตามที่ชมรมฯ กำหนด รวมทั้งการเข้าฟังการประชุมของคณะกรรมการชมรมฯ ได้ หากมิได้ประกาศห้ามไว้เป็นกรณีพิเศษ
ข้อ17. สมาชิกมีสิทธิและความรับผิดชอบเท่าเทียมกันในอันที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้าของ
ชมรมฯ
ข้อ18. สมาชิกมีสิทธินำแขกของตนเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง ที่ทางชมรมฯ มิได้ประกาศห้ามไว้เป็นกรณีพิเศษ
ข้อ19. สมาชิกสามัญและสมาชิกสมทบเพียง 1 ท่านที่ระบุไว้เป็นผู้แทนของนิติบุคคล มีสิทธิลงคะแนนออกเสียงเลือกตั้ง และมีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเพื่อเลือกตั้งเป็นกรรมการของชมรมฯ การลงคะแนนออกเสียงนี้จะลงคะแนนออกเสียงได้เพียง 1 คนเท่านั้น โดยมีหนังสือมอบอำนาจมาเป็นหลักฐานและผู้นั้นจะต้องปรากฎในที่ประชุมนั้นด้วย
ข้อ20. สมาชิกสามัญและสมาชิกสมทบ มีสิทธิที่จะออกเสียง หรือเสนอความเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมของชมรมฯ
ข้อ21. สมาชิกมีหน้าที่ต้องชำระค่าบำรุงต่อชมรมฯ
ข้อ22. สมาชิกมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะต้องปฎิบัติตามระเบียบข้อบังคับและมติของชมรมฯ
อย่างเคร่งครัด
ข้อ23. สมาชิกมีสิทธิประดับเครื่องหมายและใช้ตราของชมรมฯ ได้
หมวดที่ 5. ค่าบำรุง
ข้อ 24. ค่าบำรุง หมายถึง เงินที่เก็บจากสมาชิกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของชมรมฯ
24.1 ค่าบำรุงของสมาชิกทุกประเภท ให้ชำระปีละ 1,000 บาท
24.2 สำหรับสมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้รับการยกเว้นค่าบำรุง
ข้อ25. ค่าบำรุงชมรมฯ ให้ชำระภายในเดือน เมษายน ของแต่ละปีซึ่งครอบคลุมระยะเวลาตามปีปฏิทินมกราคมถึงธันวาคม
หมวดที่ 6. คณะกรรมการ
ข้อ 26. ให้มีคณะกรรมการชมรมฯ โดยให้มีการเลือกตั้งจากสมาชิกสามัญหรือสมาชิกสมทบซึ่งมีสิทธิตามข้อ 19 ที่มาร่วมประชุมใหญ่ในปีที่มีการเลือกตั้ง จำนวน 10 ท่าน แล้วให้คณะกรรมการทั้ง 10 ท่าน ที่ได้รับการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ ไปประชุมปรึกษาหารือเพื่อแต่งตั้งหรือเลือกตั้งสมาชิกสามัญหรือสมาชิกสมทบสามัญเข้าเป็นกรรมการเพิ่มเติมอีก จำนวน 5 ท่าน การประชุมนี้ให้ประธานชมรมฯ ผู้ที่จะหมดวาระเป็นประธานในที่ประชุม และเรียกประชุมภายใน 15 วัน เมื่อได้กรรมการ 15 ท่านแล้วให้เป็นประธานชมรมฯ ผู้ที่จะหมดวาระเรียกประชุมกรรมการ 15 ท่าน ภายใน 15 วัน เพื่อพิจารณาแต่งตั้งกรรมการดำรงตำแหน่งตามที่ระบุไว้ในข้อ 34.
ข้อ 27. บุคคลที่ถูกเลือกตั้งเป็น “ กรรมการชมรมฯ ” ต้องเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากสมาชิกนิติบุคคลด้วย
ข้อ 28. คณะกรรมการมีหน้าที่บริหารชมรมฯ และการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ข้อ 29. คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อทำกิจการเฉพาะอย่างอันอยู่ในขอบเขตหน้าที่ภายในการควบคุมของคณะกรรมการได้
คณะอนุกรรมการจะอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่าที่กำหนดเวลา ตามวาระของคณะกรรมการชุดที่แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือตามกำหนดเวลาสิ้นสุดของกิจการที่ให้กระทำได้ คณะกรรมการจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นจากสมาชิกของชมรมฯ หรือจากบุคคลภายนอกที่มีความเหมาะสมก็ได้
ข้อ 30. เมื่อตำแหน่งกรรมการใดว่างลง ก่อนที่คณะกรรมการจะครบกำหนดตามวาระ ให้คณะกรรมการได้คัดเลือกสมาชิกสามัญหรือสมาชิกสมทบขึ้นดำรงตำแหน่งแทนได้ และอยู่จนครบวาระของคณะกรรมการ
ข้อ 31. กรรมการที่ออกตามวาระ มีสิทธิได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ให้กลับเข้ามาเป็นกรรมการได้อีก
ข้อ 32. กรรมการต้องออกจากตำแหน่งโดย
32.1 ออกตามวาระ
32.2 พ้นจากสมาชิกภาพ
32.3 ลาออกและได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการแล้ว
32.4 ที่ประชุมลงมติไม่ไว้วางใจ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิก ที่มาประชุม
32.5 กรรมการที่ขาดการประชุมสามัญประจำเดือนติดต่อกัน 6 ครั้ง โดยไม่แจ้งให้ชมรมฯ ทราบ
ข้อ 33. ในระหว่างที่ ที่ประชุมสามัญประจำปียังมิได้เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้น ให้คณะกรรมการเดิมรักษาการแทนต่อไป จนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะเข้ามารับการมอบหมายหน้าที่การงานเรียบร้อย
ข้อ 34. ตำแหน่งของคณะกรรมการชมรมฯ จะต้องประกอบด้วยคณะกรรมการมีตำแหน่งต่อไปนี้
- ประธานชมรมฯ 1 คน
- รองประธานชมรมฯ 2 คน
- เลขาธิการ 1 คน
- เหรัญญิก 1 คน
- ประชาสัมพันธ์ 1 คน
- ปฎิคม 1 คน
- นายทะเบียน 1 คน
- ประธานกลุ่มงานบุคคลและวิชาการ 1 คน
- ประธานกลุ่มงานสาธารณูปโภค และความปลอดภัย 1 คน
กรรมการตำแหน่งอื่นๆ ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการแต่ละสมัยตามความจำเป็นของการบริหารงาน
ข้อ 35. คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
35.1 กำหนดนโยบายและวางระเบียบการปฎิบัติงานของชมรมฯ
35.2 ออกระเบียบเพื่อให้สมาชิกปฎิบัติ โดยไม่ขัดต่อระเบียบบังคับของชมรมฯ โดยคะแนนเสียงของคณะกรรมการที่เข้าประชุมไม่น้อยกว่า 2 ใน 3
35.3 ดำเนินกิจการของชมรมฯ ให้เป็นไปตามนโยบายและวัตถุประสงค์ของชมรมฯ ที่ได้วางไว้
35.4 จัดให้มีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยให้เลขาธิการ แจ้งให้ คณะกรรมการทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นให้เรียก
ประชุมด่วนได้
หมวดที่ 7 การประชุมใหญ่
ข้อ 36. ให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีใน เดือนมีนาคม ของทุกปี โดยแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน เพื่อ
36.1 เลือกตั้งกรรมการ
36.2 รับทราบรายงานประจำปี
36.3 รับรองรายงานประชุมประจำปีครั้งที่แล้ว
36.4 แสดงผลการดำเนินงานที่คณะกรรมการได้กระทำไปในรอบปี
36.5 พิจารณาอนุมัติงบการเงินของชมรมฯ
36.6 เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกิจการของชมรมฯ เช่น ยกเลิก แก้ไข หรือ เพิ่มเติมระเบียบ ข้อบังคับของชมรมฯ โดยมติ 2 ใน 3 ของสมาชิกที่มาประชุม
ข้อ 37. องค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่ ต้องประกอบด้วยสมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงที่เข้าร่วมการประชุมไม่น้อยกว่า 50 บริษัท การลงมติให้ถือคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกที่มาประชุมเป็นเกณฑ์ เว้นแต่ข้อบังคับของชมรมฯ จะกำหนดเป็นอย่างอื่น
ข้อ 38. ในกรณีที่สมาชิกไม่ครบองค์ประชุม ให้ประธานชมรมฯ เรียกประชุมครั้งต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันประชุมครั้งแรก และไม่ว่าสมาชิกจะมาประชุมเป็นจำนวนเท่าใดก็ตามถือว่าครบองค์ประชุม
หมวดที่ 8. การเงินและบัญชี
ข้อ 39. ให้เหรัญญิกเป็นผู้รับจ่ายเงิน และบันทึกบัญชีการเงินของชมรมฯ
ข้อ 40. เงินของชมรมฯ ให้ฝากในธนาคารใดธนาคารหนึ่งตามที่คณะกรรมการกำหนด และมอบอำนาจให้เหรัญญิกและประธาน เป็นผู้ลงนามสั่งจ่ายเงินในบัญชีของชมรมได้
ข้อ 41. คณะกรรมการมีอำนาจใช้เงินของชมรมฯ ตามวัตถุประสงค์ การเบิกจ่ายทุกครั้งต้องมีประธานและเหรัญญิก หรือกรรมการอื่นที่คณะกรรมการได้มอบหมายลงนามกำกับในเอกสารที่สั่งจ่ายทุกครั้ง
หมวดที่ 9. การเลิกชมรมและการชำระบัญชี
ข้อ 42. ชมรมเลิกได้โดยมติที่ประชุมใหญ่ อันประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกที่เข้าประชุม
ข้อ 43. เมื่อเลิกชมรมฯ แล้ว บรรดาทรัพย์สินของชมรมฯ ที่เหลือจากการชำระบัญชีให้ปฎิบัติดังนี้
43.1 เงินสดให้เฉลี่ยคืนแก่สมาชิกที่ปรากฏชื่อในทะเบียน
43.2 บรรดาสังหาริมทรัพย์ให้มอบแก่องค์กรการกุศล หรือมูลนิธิ หรือสถาบันการศึกษา ตามแต่ที่ประชุมใหญ่จะกำหนด
หมวดที่ 10. เบ็ดเตล็ด
ข้อ 44. ในกรณีที่เกิดข้อโต้แย้งในระเบียบข้อบังคับนี้ ให้ถือมติการพิจารณาของคณะกรรมการเป็นข้อยุติ
ข้อ 45. ในกรณีที่ไม่ได้ระบุในข้อบังคับนี้ ให้คณะกรรมการบริหารชมรมฯ ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณา
ข้อ 46. ในกรณีที่ในข้อบังคับนี้มิได้ระบุจำนวนเสียงที่ลงมติ ให้ถือเสียงข้างมากเป็นมติของที่ประชุม